หนังสือ สาม ก๊ก ฉบับ สมบูรณ์ Pdf
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ลดความดันด้าน Condenser 2. เพิ่มความดันด้าน Evaporator 3.
ตั้งเวลาปิดแอร์ก่อนเวลาตื่นนอน 30 นาที อีกหนึ่งพฤติกรรมประหยัดไฟง่ายๆ คือ การปิดเครื่องปรับอากาศล่วงหน้าอย่างน้อย 30 นาที เพราะแม้ว่าเครื่องปรับอากาศจะหยุดทำงานไปแล้ว แต่ความเย็นจะยังคงวนเวียนอยู่ภายในห้อง ทำให้ห้องยังเย็นอยู่ ถ้าทำแบบนี้ทุกวัน รับรองว่าช่วยประหยัดค่าไฟได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญควรเปิดแอร์ที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 26 องศาฯ ถ้าอยากเย็นสบายกว่านั้นให้ใช้วิธีเปิดพัดลมช่วย ก็จะทำให้ประหยัดค่าไฟได้มากกว่าการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิต่ำเกินพอดี 8. เลี่ยงการใช้ความร้อนขณะเปิดแอร์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ให้ความร้อนในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ เช่น กระติกน้ำร้อน เตารีด เตาปิ้งย่างไฟฟ้า ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้ความร้อนในห้องเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักมากขึ้น และในทางตรงกันข้าม ถ้าเครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น อุณภูมิในห้องเย็นขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สร้างความร้อน ก็จะต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการสร้างความร้อนเช่นกัน คือมีแต่เปลืองไฟและเปลืองไฟไปอีกเป็นเท่าตัว 9. ฝึกถอดปลั๊กไฟให้เป็นนิสัย หลายคนอาจคิดว่าแค่ปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลังใช้งานก็เพียงพอแล้ว แต่ความเป็นจริง แม้ว่าเราจะปิดสวิตช์หลังใช้งานไปแล้ว แต่ก็ยังมีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนเพื่อให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา ดังนั้นเราควรปิดสวิตช์และถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน นอกจากจะประหยัดไฟแล้ว ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในบ้านได้อีกด้วย 10.
สร้างบ้านอย่างไรให้ประหยัดพลังงาน (How to build energy efficient house) ทุกวันนี้พวกเรามีค่าใช้จ่ายในบ้านมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าภาษี ค่าประกัน ฯลฯ ยิ่งค่าไฟเดี๋ยวนี้แพงขึ้นทุกวัน ยิ่งในช่วงหน้าร้อนอาจจะต้องจ่ายเป็นสองเท่าของหน้าหนาว เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน เราจึงควรออกแบบบ้านให้เย็นโปร่งโล่งสบายและป้องกันความร้อนให้เหมาะกับภูมิอากาศเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเปลืองค่าแอร์มากในแต่ละเดือน วันนี้ MoneyGuruจึงนะเคล็ดลับดีๆมาแนะนำ ว่าสร้างบ้านอย่างไรให้ประหยัดพลังงาน เพื่อที่คุณจะได้มีเงินเก็บเพิ่มขึ้น 1. รั้วบ้านควรเป็นแบบโล่งโปร่ง วัสดุและแบบของรั้วบ้านนั้นสำคัญ ทางที่ดีควรเป็นแบบโปร่งเพื่อปล่อยให้ลมสามารถถ่ายเทได้ และไม่ควรทำจากวัสดุเก็บความร้อนเช่นอิฐมอญหรือคอนกรีตเสริมเหล็ก 2. ปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้าน ต้นไม้ใบหญ้านั้นสามารถช่วยสร้างร่มเงา บังแดดที่จะส่องมากระทบตัวบ้าน และยังช่วยลดความร้อนอีกด้วย แต่ทว่าในการปลูกต้นไม้ใหญ่ คุณควรเว้นระยะจากตัวบ้านสักเล็กน้อยเพราะว่ารากไม้นั้นสามารถสร้างความเสียหายกับโครงสร้างบ้านได้ 3. อย่าสร้างลานคอนกรีตในบ้าน อย่าสร้างลานคอนกรีตในทิศทางที่แดดส่อง เพราะคอนกรีตเป็นวัสดุเก็บความร้อนในตอนกลางวัน และจะถ่ายเทความร้อนสู่ตัวบ้านในเวลากลางคืน หากเป็นไปได้ควรใช้วัสดุอื่นแทนคอนกรีด 4.
สร้างบ้านให้ถูกทิศ ในประเทศเรานั้น ทิศตะวันตกและทิศใต้มีอิทธิพลจากแสงแดดรุนแรงเป็นเวลา8-9เดือนต่อปี เพราะมุมของแสงแดดที่ส่องนั้นเป็นมุมต่ำที่เข้าสู่อาคารได้ง่าย เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการสร้างบ้านที่หันไปทางสองทิศดังกล่าว และควรนำทิศทางลมมาประกอบการตัดสินใจของคุณด้วย หากจำเป็นต้องสร้างบ้านที่หันไปทางทิศทางรับแดดจริงๆก็ควรสร้างกันสาดเพื่อบังแดดด้วย 5. ปูแผ่นพลาสติกในพื้นชั้นล่าง! ในส่วนของชั้นล่างหรือ Ground floor คุณควรปูแผ่นพลาสติกในส่วนของโครงสร้างพื้นเพื่อลดความชื้นที่สามารถระเหยขึ้นมาจากพื้นดินและลดภาระของเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้ค่าไฟลดลงตามไป 6. ประตูหน้าต่างควรมีทางลม คุณควรวางทิศทางของประตูและหน้าต่างไว้ในทิศที่ระบายลมได้ดี และอย่าลืมติดตั้งมุ้งลวดเพื่อกรองฝุ่นผงที่สามารถปลิวเข้ามาในบ้านด้วย กระทั่งเฟอร์นิเจอร์คุณก็ควรวางโดยดูทิศทางของกระแสลมให้อย่าขวางทางลม อีกทั้งชนิดของประตูและหน้าต่างก็มีความสำคัญ เช่นว่าหน้าต่างบานเปิดสามารถรับกระแสลมได้ดีที่สุดแต่ต้องจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือตำแหน่งที่รับลมได้ดี 7. อย่ามีแหล่งน้ำในห้องปรับอากาศ แหล่งน้ำในที่นี้รวมถึงบ่อปลาหรือน้ำพุ ซึ่งจะเพิ่มความชื้นแก่ห้องที่อยู่อาศัย และเพิ่มภาระแก่เครื่องปรับอากาศของคุณ เพราะเครื่องปรับอากาศนั้นจะลดความชื้นและลดอุณหภูมิ จำไว้ว่ายิ่งความชื้นมากก็จะยิ่งกินไฟมาก 8.
ชวนรู้วิธีประหยัดไฟส่งตรงจาก "การไฟฟ้า" ที่สามารถทำตามได้ง่ายๆ โดยเฉพาะช่วงที่หลายคนกักตัวอยู่บ้านและต้อง Work From Home เป็นหลัก ช่วงนี้ได้ยินหลายคนบ่นกันเยอะว่า "ค่าไฟแพง" และพยายามเดากันไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่ามิเตอร์ไฟมีบางอย่างผิดปกติ บ้างก็ว่าการไฟฟ้าคิดค่าไฟแพงผิดปกติ แต่เดี๋ยวก่อน.. ที่คิดๆ กันไปนั้น ไม่เป็นความจริง! โดยทางการไฟฟ้าก็ออกมายืนยันแล้วว่า สาเหตุที่ทำให้ค่าไฟแพงเป็นเพราะคนไทยส่วนใหญ่ใช้ไฟฟ้าในหน้าร้อนในปริมาณมากกว่าปกติ อีกทั้งการ "คิดค่าไฟ" ก็เป็นการคิดในอัตราก้าวหน้า คือเพิ่มราคาขึ้นเป็นขั้นบันไดยิ่งใช้ไฟมากก็ยิ่งเสียค่าไฟแพงแบบก้าวกระโดด อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: ทำไม 'ค่าไฟ' แพง? เปิดวิธีคำนวณพร้อมดูอัตรา 'ค่าไฟฟ้า' ในบ้าน รู้ไหม! บิล 'ค่าไฟฟ้า' บอกอะไรเราบ้าง 'กฟภ. ' แจ้งวิธีการจ่าย 'ค่าไฟฟ้า' เดือนเมษายน ต้องทำอย่างไรบ้าง เอาเป็นว่าเมื่อรู้เหตุผลที่แท้จริงกันแล้วว่าทำไมค่าไฟแพง สิ่งที่ต้องรู้ต่อไปคือ แล้วทำยังไงถึงจะช่วยประหยัดค่าไฟในช่วงนี้ได้บ้าง ยิ่งหลายคนต้อง Work From Home ในช่วงอยู่บ้านป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ยิ่งมีการใช้ไฟฟ้าในบ้านมากขึ้นกว่าเดิม งั้นลองมาดูวิธีประหยัดไฟฟ้าที่แนะนำโดย "การไฟฟ้า" กันหน่อยดีกว่า ว่ามีวิธีการไหนที่จะช่วยให้เราประหยัดค่าไฟได้บ้าง?
ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ (ประหยัดพลังงานของไฟฟ้าแสงสว่างได้ร้อยละ 1-5) ปิดไฟในเวลาพักเที่ยงหรือเมื่อเลิกใช้งาน - ถอดหลอดไฟในบริเวณที่มีความสว่างมากเกินความจำเป็น ทั้งนี้ควรถอดบัลลาสต์ - บำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบการทำงานและความสว่าง ทำความ สะอาดสม่ำเสมอ ทุกๆ 3-6 เดือน 2.
tgeholding.com, 2024